ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบี

เนื่องจากประชากรผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มีอยู่ทั่วโลก จึงมีความเชื่อเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบีที่ถูกบ้างผิดบ้าง ซึ่งบางข้อก็จริง แต่บางข้อนั้นเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นและควรได้รับการอธิบายให้ถูกต้องชัดเจน

กรมอนามัยโลกประมาณการจำนวนผู้ที่มีเชื้อ “ไวรัสตับอักเสบบี” ไว้ที่ 240 ล้านคน โดยโรคไวรัสตับอักเสบบีเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสที่ส่งผลโดยตรงต่อตับ การติดเชื้ออาจเกิดได้ในระยะเรื้อรังหรือระยะเฉียบพลันได้ เนื่องจากประชากรผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มีอยู่ทั่วโลก จึงมีความเชื่อเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบีที่ถูกบ้างผิดบ้าง ซึ่งบางข้อก็จริง แต่บางข้อนั้นเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นและควรได้รับการอธิบายให้ถูกต้องชัดเจน

การรู้สึกแข็งแรงไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ในช่วงของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจไม่พบอาการใดๆ แสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่บางคนอาจเกิดอาการเฉียบพลัน ซึ่งเกิดขึ้นนานนับสัปดาห์ เช่น มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง อุจจาระหรือปัสสาวะมีสีเข้ม รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น

ในผู้ป่วยบางราย ไวรัสตับอักเสบบีสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตับเรื้อรัง ซึ่งสามารถนำไปสู่ภาวะตับแข็ง หรือแม้แต่มะเร็งตับได้กว่าร้อยละ 90 ของผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี สามารถรักษาได้ และหายจากการติดเชื้อได้ ภายในเวลาครึ่งปีเป็นอย่างน้อย

การตรวจคัดกรองไม่จำเป็นหากไม่ได้ใช้สารเสพติด
หรือไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่ครอง

ปัญหาก็คือ ทุกคนสามารถติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ตั้งครรภ์ การได้รับการตรวจคัดกรองเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากแพทย์สามารถสั่งยารักษาให้ก่อนการคลอด ดังนั้น ทารกจะมีความเสี่ยงในการรับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้น้อยลง แม้ว่าผู้เป็นแม่จะไม่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แต่ควรให้วัคซีนป้องกันไวรัสชนิดนี้แก่ทารก เนื่องจากเด็กอาจได้รับเชื้อจากผู้ที่เข้ามาใกล้ๆ เช่น สมาชิกในครอบครัวหรือพี่เลี้ยงเด็กได้ มีแนวโน้มว่าเด็กส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ตั้งแต่แรกเกิด หรือระหว่างวัยเด็ก (ต่ำกว่า 6 ปี) เป็นการติดเชื้อในระยะเรื้อรัง ที่ทำให้เกิดมะเร็งตับหรือตับวายได้ วิธีการป้องกันการติดเชื้อจึงมีความสำคัญมาก

การรับวัคซีนแรกเกิดหมายถึงการได้รับภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบไปตลอด
ทารก เด็กเล็ก และวัยรุ่นกว่าร้อยละ 95 เมื่อได้รับวัคซีน ภูมิคุ้มกันจะถูกสร้างเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และจะมีภูมิคุ้มกันนานถึง 20 ปี หรือตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม บางรายโชคไม่ดี เมื่อได้รับวัคซีนการป้องกันเชื้อทั่วไป ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ เรียกว่าผู้ที่ตอบรับวัคซีนไม่ดี ถ้าคุณเป็นผู้ที่มีแนวโน้มจะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี อย่างเช่นผู้ที่ทำงานด้านสุขภาพ คุณควรตรวจระดับแอนติบอดี้เชื้อไวรัสตับอักเสบ เพื่อดูว่าคุณมีภูมิต้านทานหรือไม่ ถ้าภูมิต้านทานของคุณอ่อนแอ หรือไม่แข็งแรงพอ คุณควรฉีดวัคซีนซ้ำอีกครั้ง หรือรับการฉีดวัคซีนกระตุ้น

การถูกเข็มทิ่มมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่าได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ในทางตรงข้าม หากคุณถูกเข็มทิ่ม คุณมีความเสี่ยงการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ได้มากกว่าการติดเชื้อเอชไอวี ในขณะที่ความเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวีจากการสัมผัสเลือดที่มีเชื้อ มีประมาณร้อยละ 0.3 แต่ความเสี่ยงการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มีสูงถึงร้อยละ 30 (สูงกว่าถึง 100 เท่า) ดังนั้นจึงควรตรวจเอชไอวีให้เร็วที่สุดครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก: Hello Health Group

Search