ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573 โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวี และลดการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ในประเทศไทยปัจจุบัน ยังมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีอีกจำนวนมากที่ยังไม่รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรก ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการที่ชัดเจน จะทราบได้ด้วยการตรวจเชื้อเอชไอวีเท่านั้น ที่สำคัญเมื่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่ทราบว่าตนเองมีเชื้ออยู่ ก็สามารถถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่นได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการร่วมกันยุติปัญหาเอดส์
จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านที่เคยมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการรับเชื้อเอชไอวี เช่น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทั้งชายรักหญิง และชายรักชาย การใช้เข็ม หรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้อื่น ควรเข้ารับการปรึกษา และตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวี เพื่อให้ทราบว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ ซึ่งหากตรวจพบว่าติดเชื้อเอชไอวี จะนำเข้าสู่ระบบการรักษาด้วยยาต้านไวรัสทันที
ตรวจเลือดเอชไอวีเพื่อให้รู้และก้าวต่อ เมื่อรับการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวี ไม่ว่าผลเลือดจะออกมาเป็นบวกหรือลบ คุณจะได้รับประโยชน์ดังนี้
- ถ้ารู้ว่าติดเชื้อเอชไอวี ก็จะได้เข้ารับการรักษาแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอให้ตัวเองป่วย
- หากติดเชื้อเอชไอวีแล้วได้รับยาต้านไวรัสและการรักษาตั้งแต่แรกเริ่มจะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานได้ปกติ หาเลี้ยงตัวเองหรือครอบครัวได้
- หากรู้ว่ามีเชื้อเอชไอวีจะได้วางแผนป้องกันไม่ให้คู่ครองหรือแฟนได้รับเชื้อจากคุณหรือชวนคู่นอนของคุณไปตรวจเลือดด้วย
- หากรู้ว่ามีเชื้อเอชไอวีและอยากมีลูกจะได้วางแผนป้องกันไม่ได้ลูกของคุณรับเชื้อเอชไอวีและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
- หากรู้ว่าไม่ติดเชื้อเอชไอวี จะได้ป้องกันตัวเองเพื่อที่จะไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ตลอดไปและยังสามารถบอกต่อความรู้ที่มีประโยชน์แก่คนรู้จักหรือเพื่อนสนิทได้
- เมื่อมาตรวจเลือดเอชไอวีจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอชไอวีและเอดส์ พร้อมการป้องกันตนเองหรือการอยู่ร่วมกับคนที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญโดยตรง
ประชาชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง สามารถเข้ารับบริการปรึกษา และตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวี ได้ฟรี ปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลทุกแห่งภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยใช้เพียงบัตรประชาชน หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนปรึกษาเอดส์ โทร 1663 และที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
ขอบคุณข้อมูลจาก: สวท.เลย