เอชไอวีเป็นโรคที่อยู่คู่กับคนมาร่วม 50 ปีแล้ว แต่ความที่ช่วงแรก ๆ โรคนี้ยังใหม่อยู่ ทำให้ไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผล และส่งผลให้มีคนเสียชีวิตมากมายเพราะการแพทย์สมัยนั้นทำได้เพียงรักษาแบบประคองอาการไว้เท่านั้น ถึงแม้ในปัจจุบันโรคนี้จะยังรักษาหายขาดไม่ได้สำหรับคนทั่วไป แต่ก็มีวิธียับยั้งโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ก็คือ การทานยาต้านไวรัส HIV อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งการยับยั้งเชื้อนี้จะไม่ได้ทำให้คนไข้หายขาดจากเอชไอวี แต่จะทำให้คน ๆ นั้นไม่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้อีกตราบใดที่ยังมีการทานยาประจำอยู่และจะทำให้คน ๆ นั้นมีสถานะเทียบเท่าคนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวีได้
ถึงแม้เทคโนโลยีการแพทย์ในปัจจุบัน จะพัฒนาไปมากแล้ว แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ยังจำภาพเก่า ๆ ของโรคเอชไอวีอยู่ และทำให้เกิดการตีตราผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีขึ้นในสังคม ซึ่งส่วนมากจะเป็นเพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้ติดตามข่าวสารเรื่องโรคติดต่อชนิดนี้มากนัก ทำให้ไม่ทราบข้อมูลในปัจจุบัน นอกจากนี้ก็ยังมีคนส่วนมากที่ยังกลัวโรคนี้มาก เพราะคิดว่าเป็นแล้วรักษาไม่หายขาด เท่ากับต้องตาย ซึ่งข้อนี้ก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมดเช่นกัน ใช่ ถึงแม้โรคนี้จะน่ากลัว แต่ตราบใดที่อยู่ในกระบวนการรักษาทันเวลาและไม่ปล่อยทิ้งไว้ ยังไงคนไข้ก็จะไม่ถึงขั้นวิกฤติแน่นอน นอกจากนี้โรคเอชไอวีจะถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นหลักอีกด้วย ช่องทางอื่น ๆ ที่ทำให้ติดโรคนี้ได้ คือการรับเอาสารคัดหลั่งเช่น เลือด น้ำเหลือง น้ำนม (น้ำลายถือว่าไม่มีความเสี่ยง) เข้าสู่ร่างกายและการรับมานี้จะต้องรับผ่านบริเวณที่เป็นแผลด้วย เช่น แผลสดขนาดใหญ่ เป็นต้น ถ้าเป็นการสัมผัสในบริเวณที่ไม่มีบาดแผลก็จะไม่ถือว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อ กรณีอื่นที่ทำให้เสี่ยงติดเชื้อ คือการใช้เข็มฉีดยาซ้ำ หรือใช้ร่วมกับผู้อื่น เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการรับเชื้อเข้าร่างกายโดยตรง และการรับบริจาคเลือดจากผู้มีเชื้อโดยตรง
นอกเหนือจากกรณีที่กล่าวมา การทำกิจกรรมใด ๆ กับผู้อยู่ร่วมกับเอชไอวี ไม่ว่าจะเป็นการทานข้าว การสัมผัสร่างกาย หรือการใช้ชีวิตประจำวันสามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเสี่ยงติดเชื้อ
ปัจจุบันความรู้ใหม่เรื่องโรคเอชไอวีได้มีการเผยแพร่ให้คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งคนบางส่วนจะเข้าใจในธรรมชาติของโรคนี้มากขึ้นแล้ว แต่ก็มีคนอีกหลายส่วนที่ยังไม่เข้าใจและกลัวโรคนี้จนเกินเหตุอยู่ ทำให้ต้องมีการรณรงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่ทันสมัยเกี่ยวกับโรคนี้อยู่เรื่อย ๆ หากคนส่วนมากเข้าใจและยอมรับผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีมากขึ้น ก็จะทำให้คนเหล่านี้ไม่ต้องกังวลและเข้าถึงการรักษามากขึ้น ทำให้โอกาสแพร่เชื้อลดน้อยลงและมีแต่ผลดีขึ้นเรื่อย ๆ