หนองในแท้ หนองในเทียม ต่างกันอย่างไร ?

หนองใน เป็นอีกหนึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน จึงสามารถรับเชื้อได้โดยง่ายแบบไม่ทันตั้งตัว และบ่อยครั้งผู้ป่วยมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคหนองในทั้ง หนองในแท้ และเทียม ว่ามีความแตกต่างกันยังไง? เมื่อเป็นโรคหนองในแล้วกี่วันจะหาย?  อาการจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน? โรคหนองในเป็นแล้วรักษาหายหรือไม่? หรือเป็นแล้วไม่รักษาได้ไหมเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหนองในมากขึ้น ป้องกันและดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง

หนองในแท้

หนองในแท้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื้อว่า Neisseria gonorrhea  สามารถติดต่อได้ทั้งชายและหญิงรวมทั้งทารกแรกเกิด โรคหนองในแท้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีระยะการฟักตัวสั้น ประมาณ 1 – 10 วัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการฟักตัวภายใน 5 วัน และเป็นโรคภายใน 7 วัน  โรคหนองในแท้สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นหมัน หรืออาการอักเสบในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น

หนองในเทียม

หนองในเทียม ที่พบบ่อยที่สุดคือ เชื้อแบคทีเรียชื่อว่า Chlamydia trachomatis สามารถติดต่อได้ทั้งชายและหญิง  โรคหนองในเทียมมีระยะการฟักตัวของโรคนานกว่าโรคหนองในแท้ นั่นคือ มากกว่า 10 วันขึ้นไป แต่ปัจจุบันในบางกรณีอาจพบว่าไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป อาการอาจลุกลามจนถึงขั้นอัณฑะอักเสบในผู้ชายและร้ายแรงที่สุดคือ เป็นหมัน   ส่วนฝ่ายหญิง อาการอาจลุกลามจนเกิดภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบจนถึงขั้นเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

การวินิจฉัยหนองในแท้ หนองในเทียม

หนองในแท้

  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการเบื้องต้น : Gram stain พบ gram-negative intracellular diplococci
  • การตรวจเพื่อยืนยันผล: Culture พบ Neisseria gonorrhoeae

หนองในเทียม

  •  ตรวจพบ urethral Gram stain พบ PMN มากกว่าหรือเท่ากับ≥ 5 cells/oil field
  • ตรวจพบ mucopurulent discharge ที่ cervix ในผู้หญิงโดยไม่พบ Gram negative intracellular diplococci จาก cervical Gram stain
  • Chlamydial test positive

อาการหนองในแท้-หนองในเทียม

อาการหนองในของผู้ชาย

มีอาการปัสสาวะแสบและมีหนองไหล อาการอาจมีมากน้อยแล้วแต่บุคคล ในกรณีที่มีอาการรุรแรงมากมักมีอาการแทรกซ้อน ซึ่งจะเกิดหลังจากที่ได้รับเชื้อแล้ว 2-5 วัน เช่น รู้สึกระคายเคืองท่อปัสสาวะ หลังจากนั้นจะมีอาการปวดแสบเวลาปัสสาวะ มีหนองสีเหลืองออกจากท่อปัสสาวะ อัณฑะบวม อักเสบ

อาการหนองในของผู้หญิง 

มีอาการตกขาวที่มีกลิ่นเหม็น มีหนองหรือมูกปนหนอง ปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย ในบางรายอาจมีอาการอักเสบที่ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ช่องทวารหนัก หรืออาจรุนแรงไปถึงเกิดฝีที่ต่อมบาร์โธลิน เชื้อโรคอาจลุกลามไปยังโพรงมดลูก ปีกมดลูก ทำให้อุ้งเชิงกรานอักเสบ ต้นเหตุของการตั้งครรภ์นอกมดลูก และเป็นหมันได้

ใครบ้างที่ควรตรวจ หนองในแท้ หนองในเทียม

  1. ผู้ที่มีอายุยังน้อย หรือกลุ่มวัยรุ่น
  2. ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  3. ผู้ที่มีคู่นอนมากกว่า 1 คน หรือมีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  4. ผู้ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในขณะมีเพศสัมพันธ์

การป้องกัน หนองในแท้ หนองในเทียม

  • ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • ใช้ถุงยางทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคหนองใน หรือคู่นอนที่มีความเสี่ยง 
  • ควรหมั่นไปพบแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจร่างกาย ตรวจเลือด หรือตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • หากมีอาการที่บ่งชี้ว่ากำลังเป็นโรคหนองในแท้ หนองในเทียม หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์และรีบไปพบแพทย์

**หนองในไม่ติดต่อผ่านการจูบ การกอด การใช้ช้อนส้อม การใช้สระว่ายน้ำ การใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วย**

การรักษา หนองในแท้ หนองในเทียม

การรักษาแพทย์จะให้ ยาปฏิชีวนะ กลุ่ม Ceftriaxone  และ Azithromycin เมื่อได้รับยาอาการจะค่อยๆ ทุเลาลงใน 24 ชั่วโมง แพทย์จะให้ยารักษาประมาณ 1 สัปดาห์แล้วกลับมาตรวจซ้ำ ในช่วงที่กำลังรักษา ให้งดการมีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด เพราะสามารถแพร่เชื้อได้ และเสี่ยงต่อการอักเสบติดเชื้อ แม้แต่การใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่ควร

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Search